ชั้นวางของอุตสาหกรรม แข็งแรง ประหยัดพื้นที่

ชั้นวางของอุตสาหกรรม : ทำไมถึงสำคัญกับทุกคลังสินค้า
ชั้นวางของอุตสาหกรรม (Industrial Racking System) ไม่ใช่แค่ที่วางของ แต่คือ “โครงสร้างโลจิสติกส์” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าให้ ใช้พื้นที่แนวตั้งได้เต็มที่, ลดเวลาหาสินค้า, และ เพิ่มความปลอดภัยของพนักงาน
ในคลังสินค้ายุคใหม่ ระบบชั้นวางที่ดีจะช่วยให้การหมุนเวียนสินค้ารวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30–50%, ลดอุบัติเหตุจากของล้ม, และเพิ่มความสามารถในการตรวจนับสต็อกแบบเรียลไทม์
ประเภทของชั้นวางของอุตสาหกรรม
Selective Racking
-
ใช้ทั่วไปมากที่สุด
-
เหมาะกับงานที่ต้องการเข้าถึงทุกพาเลท (100% accessibility)
-
ปรับความสูงได้ตามพาเลท
-
เหมาะกับ คลังสินค้า, โรงงานทั่วไป, ศูนย์กระจายสินค้า
Drive-in / Drive-thru Racking
-
รถโฟล์คลิฟต์ “ขับเข้าในช่องชั้น” ได้
-
เก็บของแนวลึก เหมาะกับสินค้าชนิดเดียวกันมาก ๆ
-
ใช้หลัก LIFO (Last In First Out) หรือ FIFO (First In First Out)
-
ลดพื้นที่ทางเดินได้ถึง 40%
Push Back / Pallet Flow
-
มีรางลูกกลิ้งช่วยเลื่อนพาเลทอัตโนมัติ
-
เหมาะกับสินค้าที่มีวันหมดอายุ หรือการหมุนเวียนสูง
-
ใช้ระบบ FIFO เพื่อความสดใหม่ของสินค้า
-
นิยมใน โรงงานอาหาร, เครื่องดื่ม, ยา, โรงเย็น
Cantilever Rack
-
ใช้เก็บของยาว เช่น ท่อ เหล็กเส้น แผ่นไม้
-
ไม่มีคานกลาง ทำให้ยืดหยุ่นและเข้าถึงง่าย
Mezzanine Floor / Long Span
-
เพิ่มพื้นที่จัดเก็บเป็น “ชั้นลอย”
-
รับน้ำหนักมาก เหมาะกับสินค้าขนาดกลางถึงใหญ่
วัสดุและโครงสร้างหลัก: เหล็กกล้ารีดเย็น / เหล็กชุบสังกะสี / พ่นอีพ็อกซี
วัสดุที่ใช้ใน ชั้นวางของอุตสาหกรรม ต้องทนแรงกด น้ำหนัก และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความชื้นหรือสารเคมีในโรงงาน
วัสดุ | จุดเด่น | การใช้งานเหมาะสม |
---|---|---|
เหล็กกล้ารีดเย็น | แข็งแรง ราคาคุ้ม | งานทั่วไป–คลังสินค้า |
เหล็กชุบสังกะสี | กันสนิม ทนชื้น | โรงงานอาหาร/ยา |
เหล็กพ่นอีพ็อกซี | สีสวย ทนรอยขีดข่วน | งานโชว์/ออฟฟิศอุตสาหกรรม |
การคำนวณน้ำหนักรับ (Load Capacity) แบบเข้าใจง่าย
-
โหลดต่อชั้น (Level Load) = น้ำหนักของของบนคานหนึ่งระดับ
-
โหลดรวม (Bay Load) = น้ำหนักทั้งหมดที่คานในเฟรมรับได้
ตัวอย่าง: ชั้นวางพาเลท 2 คาน รับได้ 1,000 กก./คาน → โหลดรวม = 2,000 กก./ช่อง
สูตรความปลอดภัยเบื้องต้น
(ตัวคูณ 1.4 คือค่าความปลอดภัยมาตรฐานอุตสาหกรรม)
มาตรฐานความปลอดภัยในการออกแบบชั้นวางของอุตสาหกรรม
-
FEM 10.2.02 / EN 15512 (ยุโรป) – กำหนดการออกแบบ, การทดสอบ, การติดตั้ง
-
ANSI MH16.1 (อเมริกา) – มาตรฐานโครงสร้างเหล็กชั้นวาง
-
OSHA & ISO 45001 – เน้นความปลอดภัยพนักงานและป้องกันการล้ม
อย่าลืม ติดป้ายโหลดสูงสุด (Load Sign) ไว้ทุกช่อง เพื่อป้องกันการเกินน้ำหนักโดยไม่ตั้งใจ
ออกแบบเลย์เอาต์คลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
-
ระยะทางเดินโฟล์คลิฟต์: ≥ 3.2 เมตร (สำหรับทางสวนกัน)
-
ความสูงชั้น: ≤ 80% ของความสูงเพดาน เพื่อเว้นพื้นที่แสงและหัวรถ
-
ทางหนีไฟ/ช่องทางฉุกเฉิน: ไม่ถูกบังด้วยชั้นวาง
ระบบที่ดีต้องบาลานซ์ระหว่าง พื้นที่จัดเก็บสูงสุด กับ การเข้าถึงสินค้าที่รวดเร็ว
ระบบป้องกันและอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย
-
Rack Protector: กันชนเหล็กติดฐานเสา ป้องกันโฟล์คลิฟต์ชน
-
Safety Pin / Beam Lock: ล็อกคานกันหลุด
-
Guard Rail: รั้วเหล็กกันตก / ป้องกันโซนคนเดิน
-
Safety Net / Wire Mesh Decking: ป้องกันของตกจากชั้นบน
เทคโนโลยีใหม่ในระบบจัดเก็บอุตสาหกรรม (2025)
-
AS/RS (Automated Storage & Retrieval System): หุ่นยนต์จัดเก็บของอัตโนมัติ
-
Shuttle System: รถเคลื่อนพาเลทอัจฉริยะ ลดเวลาขนย้าย
-
Smart Rack IoT Sensor: ติดเซนเซอร์ตรวจโหลด–แจ้งเตือนการบิดตัว
เช็กลิสต์ก่อนซื้อ 12 ข้อ
-
รู้ประเภทสินค้า (ขนาด / น้ำหนัก / ความถี่ในการเคลื่อนย้าย)
-
เลือกประเภทชั้นวางให้เหมาะกับรูปแบบการหมุนเวียน (FIFO/LIFO)
-
ตรวจความสูงอาคารและระยะโฟล์คลิฟต์
-
ดูมาตรฐานเหล็กและใบรับรองโรงงาน
-
ขอใบรับรอง Load Test / Drawing จากผู้ผลิต
-
ตรวจสอบการเคลือบกันสนิม
-
เผื่อพื้นที่ทางหนีไฟและทางคนเดิน
-
ติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญ
-
ตรวจสอบป้ายโหลดทุกช่อง
-
วางแผนตรวจสอบประจำปี
-
เตรียมแผนขยายระบบในอนาคต
-
บันทึกข้อมูลสินทรัพย์ในระบบ ERP/Asset Management
สนใจชั้นวางของ >> คลิกที่นี่ <<
สนใจชั้นวางของจำนวนมาก พร้อมติดตั้ง >> คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม <<