ชั้นวางสินค้าในคลัง: 17 กลยุทธ์ออกแบบคลังอย่างมืออาชีพ เพิ่มพื้นที่เก็บ 2 เท่า!

ชั้นวางสินค้าในคลัง: 17 กลยุทธ์ออกแบบคลังอย่างมืออาชีพ เพิ่มพื้นที่เก็บ 2 เท่า!

ชั้นวางสินค้าในคลังคืออะไร

ชั้นวางสินค้าในคลัง (Warehouse Racking System) คือระบบจัดเก็บสินค้าบนโครงสร้างเหล็กหรือวัสดุแข็งแรง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บในแนวตั้งและจัดระเบียบสินค้าให้ง่ายต่อการหยิบ เคลื่อนย้าย และนับสต็อก เหมาะสำหรับทั้งคลังสินค้าขนาดเล็กและระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดการพื้นที่


ความสำคัญของการมีระบบชั้นวางสินค้าในคลัง

  • เพิ่มพื้นที่จัดเก็บมากกว่า 2 เท่า โดยใช้ความสูงอาคารให้เกิดประโยชน์

  • ลดเวลาในการหยิบสินค้า (Picking Time) เพราะจัดโซนอย่างมีระบบ

  • ลดความเสียหายของสินค้า จากการวางซ้อนแบบไม่เป็นระเบียบ

  • เสริมความปลอดภัย ด้วยโครงสร้างแข็งแรงและทางเดินที่เป็นมาตรฐาน

  • รองรับระบบอัตโนมัติในอนาคต (Automation Ready) เช่น รถยกไฟฟ้า หุ่นยนต์ หรือสายพาน


ประเภทของชั้นวางสินค้าในคลังยอดนิยม

1. Selective Rack – ชั้นวางมาตรฐาน

  • ใช้ทั่วไปที่สุด เข้าถึงทุกพาเลตได้โดยตรง

  • เหมาะกับคลังที่มีหลาย SKU และสินค้าหมุนเวียนบ่อย

  • ใช้ได้กับระบบ FIFO (เข้าก่อนออกก่อน)
    🟢 ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง ซ่อมง่าย
    🔴 ข้อจำกัด: ใช้พื้นที่มาก (ประมาณ 35–40% ของคลัง)


2. Double Deep Rack – ชั้นวางสองแถวลึก

  • วางพาเลตซ้อนลึกได้ 2 ชั้น ลดทางเดิน เพิ่มพื้นที่จัดเก็บ

  • เหมาะกับ SKU ซ้ำ ๆ หรือสินค้าที่หมุนเวียนเร็ว
    🟢 ข้อดี: เพิ่มความหนาแน่นคลังได้ 30–40%
    🔴 ข้อจำกัด: ต้องใช้รถ Reach Truck แบบงาลึก


3. Drive-in / Drive-through Rack

  • รถยกสามารถ “ขับเข้าในชั้น” เพื่อวางสินค้าได้

  • เหมาะกับสินค้าจำนวนมากแต่ชนิดน้อย เช่น เครื่องดื่ม หรือของแช่เย็น
    🟢 ข้อดี: ใช้พื้นที่ได้คุ้มที่สุด
    🔴 ข้อจำกัด: ระบบ LIFO (เข้าหลังออกก่อน) และเสี่ยงต่อการชนเสา


4. Push Back Rack

  • สินค้าจะไหลถอยหลังเมื่อวางพาเลตใหม่

  • หยิบจากด้านหน้าได้รวดเร็ว
    🟢 ข้อดี: หยิบง่ายกว่า Drive-in
    🔴 ข้อจำกัด: ใช้ได้กับสินค้าหมุนเวียนเร็วเท่านั้น


5. Pallet Flow / Gravity Flow Rack

  • ใช้รางลูกกลิ้ง (Roller) ให้พาเลต “ไหล” มาด้านหน้าเอง

  • เหมาะกับสินค้า FIFO เช่น อาหารและเครื่องดื่ม
    🟢 ข้อดี: หมุนเวียนอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้รถยกเข้าในช่อง
    🔴 ข้อจำกัด: ราคาสูง และต้องติดตั้งแม่นยำ


6. Mezzanine Floor – ชั้นลอยเก็บของ

  • เพิ่มพื้นที่แนวตั้งโดยไม่ต้องขยายอาคาร

  • เหมาะกับของเบา–ขนาดเล็ก เช่น เอกสาร อะไหล่ หรือสินค้าอีคอมเมิร์ซ
    🟢 ข้อดี: เพิ่มพื้นที่ 100–200% ของพื้นที่เดิม
    🔴 ข้อจำกัด: ต้องตรวจรับน้ำหนักพื้นอย่างละเอียด


7. Cantilever Rack – ชั้นแขนยื่นสำหรับของยาว

  • เหมาะกับของยาว เช่น เหล็ก ท่อไม้ หรือแผ่นไม้
    🟢 ข้อดี: เข้าถึงง่าย จัดระเบียบชิ้นยาวได้ดี
    🔴 ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกับของพาเลต


การออกแบบชั้นวางสินค้าในคลังให้มีประสิทธิภาพ

1. วิเคราะห์สินค้าก่อนเลือกชั้นวาง

  • น้ำหนักสินค้า (น้ำหนัก/พาเลต)

  • ขนาด (กว้าง–ยาว–สูง)

  • ความถี่ในการหยิบ

  • ประเภทบรรจุภัณฑ์ (กล่อง, พาเลต, ถุง)

2. คำนวณพื้นที่และทางเดิน

  • ทางเดินรถยกหลัก: 3.0–3.5 เมตร

  • ทางเดินย่อย: 2.0–2.5 เมตร

  • เว้นระยะจากผนังอย่างน้อย 20 ซม. เพื่อการระบายอากาศและตรวจสอบ

3. วางแผนโซนเก็บสินค้า (Zoning System)

  • โซน A: สินค้าหมุนเร็ว – ใกล้จุดจ่าย/แพ็ก

  • โซน B: สินค้าหมุนกลาง – ส่วนกลางคลัง

  • โซน C: สินค้าหมุนช้า – ชั้นบนหรือท้ายโกดัง


โครงสร้างและส่วนประกอบของชั้นวางสินค้า

ส่วนประกอบ หน้าที่
Upright Frame (เสาแนวตั้ง) รองรับน้ำหนักหลักของชั้น
Beam (คานแนวนอน) เชื่อมระหว่างเสา รองรับพาเลต
Base Plate กระจายน้ำหนักลงพื้น
Bracing ป้องกันการโยก
Safety Lock & Beam Clip ล็อกคานกันหลุด
Rack Protector กันชน/กันรถยกชนเสา

มาตรฐานความปลอดภัยของชั้นวางสินค้าในคลัง

  • ติดป้ายระบุ Load Capacity ของแต่ละชั้นชัดเจน

  • ตรวจสอบการโก่งของคานและเสา ทุก 6 เดือน

  • ติดตั้ง Rack Guard, End Protector, Net Back เพื่อกันตกและกันชน

  • ฝึกอบรมพนักงานขับรถยก ตามมาตรฐาน ISO 3691-1

  • ทำ “Inspection Checklist” รายเดือน สำหรับชั้นวางทุกชุด


เทคโนโลยีเสริมในคลังยุคใหม่

  • WMS (Warehouse Management System): ระบุตำแหน่งสินค้าอัตโนมัติ

  • Barcode / QR Code / RFID: ติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์

  • AS/RS (Automatic Storage & Retrieval System): หุ่นยนต์จัดเก็บและหยิบสินค้า

  • Pick-to-Light / Voice Picking: เพิ่มความเร็วและลดความผิดพลาด


การดูแลรักษาชั้นวางสินค้า

  • ตรวจสอบโครงสร้างทุก 3 เดือน

  • ทำความสะอาดและเช็ดฝุ่นที่คานและเสา

  • หลีกเลี่ยงการบรรทุกเกินน้ำหนัก

  • อย่าใช้เสาชั้นวางเป็นจุดผูกของหรือแขวนสินค้าอื่น

  • ทาสีหรือเคลือบกันสนิมตามรอบ


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  • เลือกชั้นวางผิดประเภทกับลักษณะสินค้า

  • ไม่มีแผนผังโซนจัดเก็บชัดเจน

  • บรรทุกเกินน้ำหนักที่กำหนด

  • ไม่ตรวจสอบจุดเชื่อม/น็อตเป็นประจำ

  • ไม่มีป้ายโหลดหรือป้ายเตือนฃ

สนใจชั้นวางสินค้า >> คลิกที่นี่ <<

Leave a comment

Please note, comments must be approved before they are published

Add Order Note

    What are you looking for?

    Popular Searches:  Jeans  Dress  Top  Summer  SALE