ถุงมือกันบาดคืออะไร? เลือกให้ตรงงานแบบไม่เดา

เข้าใจพื้นฐาน: ถุงมือกันบาดคืออะไร และทำงานยังไง
ถุงมือกันบาด คือถุงมือที่ออกแบบเพื่อลดความเสี่ยงจากวัตถุคม เช่น ใบมีด แผ่นโลหะแตกคม กระจก หรือขอบงานฉลุ โดยตัวถุงมือใช้ “วัสดุเส้นใยแรงดึงสูง” (เช่น HPPE/UHMWPE หรือพาราอะรามิดอย่าง Kevlar®) ถักเป็นโครงสร้างแน่น เพื่อให้แรงกดของคมกระจาย ไม่ทะลุผ่านง่าย บางรุ่นเสริม ใยแก้ว หรือ เส้นลวดสแตนเลส เพิ่มความทนต่อการตัดและการเจาะ จากนั้นจึงเคลือบผิว (PU/ไนไตรล์/ยาง) เพื่อเพิ่ม “การยึดเกาะ” และปกป้องเส้นใยจากการเสียดสี สกปรก หรือน้ำมัน
ความเสี่ยงจากคม: มีด ใบมีด แผ่นโลหะ แก้ว สายเคเบิล
ในงานจริง เรามักเจอการบาดที่เกิดจาก แรงตัดเฉือน (ลากคมผ่านผิวถุงมือ), แรงกดค้าง (กดจุดเดียว), และ แรงเฉือนร่วมกับการลื่น (มือเปียก/มันแล้วคมไถล) ถุงมือที่ดีจึงต้อง ต้านการตัด + จับแน่น พร้อมกัน
หลักการป้องกัน: เส้นใยเข้มข้น + โครงสร้างถัก + เคลือบผิว
-
เส้นใย: ยิ่งโมดูลัสสูง ยิ่งช่วยกระจายแรงตัด
-
โครงถัก: เกจแน่นและรูปแบบทอเหมาะสม ช่วยลดการเกี่ยวดึง
-
เคลือบ: เพิ่มแรงเสียดทานให้จับงานได้ มือลื่นน้อยลง ลดโอกาสคมไถล
มาตรฐานสำคัญ: EN 388 และ ANSI/ISEA 105 อธิบายแบบง่าย
มาตรฐานช่วยให้ “เปรียบเทียบ” ถุงมือจากคนละยี่ห้อได้ด้วยภาษาเดียวกัน สองชุดที่พบบ่อยคือ EN 388 (ยุโรป) และ ANSI/ISEA 105 (สหรัฐฯ)
-
EN 388 แสดงผลบนฉลากเป็นรหัส เช่น 4X43F:
-
ขีดข่วน, 2) มีดหมุน (Coupe), 3) ฉีก, 4) เจาะ, และ ค่า A–F (ISO 13997/TDM) สำหรับการตัดเฉือนแรงสูง (F สูงสุด)
-
-
ANSI/ISEA 105 ให้ระดับ A1–A9 ยิ่งเลขสูง ยิ่งทนการตัดมาก
เคล็ดลับ: ถ้างานมี “แรงตัดเฉือนสูงแบบดึงเร็ว” ให้ดู ISO 13997/TDM (A–F) หรือ ANSI A1–A9 เป็นหลัก เพราะสะท้อนสถานการณ์ “คมกด–ดึง–ปาด” ได้ดี
ระดับต้านการบาด (A–F / A1–A9) เลือกระดับยังไงให้พอดีงาน
-
งานเบา–ทั่วไป (หยิบชิ้นส่วน ซอง/กล่อง มีคมเล็กน้อย): EN A–B หรือ ANSI A1–A2
-
งานปานกลาง (โลหะแผ่นขอบคม, ชิ้นส่วนรถยนต์, โกดัง): EN C–D หรือ ANSI A3–A4
-
งานหนัก (ตัด/ขึ้นรูปโลหะ, แก้วแผ่น, คมจัดต่อเนื่อง): EN E–F หรือ ANSI A5–A7+
อย่า “เผื่อเกินจริง” จนฟิตแข็ง เพราะระดับสูงมากมัก หนา/แข็ง/ระบายอากาศน้อย ทำให้ผู้ใส่หลบเลี่ยงการใส่หรือทำงานพลาดได้
ตัวเลขอื่นใน EN 388: ขีดข่วน ฉีก เจาะ มีผลต่อความปลอดภัยอย่างไร
-
ขีดข่วนสูง = อายุใช้งานนานขึ้นในงานเสียดสี
-
ฉีก/เจาะสูง = ลดโอกาสโดนปลายแหลมหรือขอบบาด
การเลือกที่ดีต้อง “สมดุล” ไม่ใช่ดูค่าต้านการตัดอย่างเดียว
วัสดุยอดนิยม: HPPE, UHMWPE, Kevlar®, ใยแก้ว, เส้นลวดสแตนเลส
-
HPPE/UHMWPE (เช่น Dyneema®, Spectra®): เบา เย็น แนบมือ เหมาะงานหยิบจับต่อเนื่อง
-
Kevlar®/พาราอะรามิด: ทนร้อนกว่าย่านโพลีเอทิลีน ทนการตัดดี
-
ใยแก้ว (Glass Fiber): เพิ่มความคมแข็ง แต่ถ้าชั้นเคลือบสึกจะรู้สึก “คัน/บาด” ได้
-
เส้นลวดสแตนเลส: เสริมความแกร่งมาก เหมาะงานหนักมาก แต่ความยืดหยุ่นลดลง
ข้อดี–ข้อจำกัดของแต่ละวัสดุ + ตัวอย่างงานเหมาะสม
-
HPPE + PU: งานประกอบชิ้นส่วน/อีเล็กทรอนิกส์ ต้องการสัมผัสละเอียด
-
Kevlar® + ไนไตรล์โฟม: โลหะ/ยานยนต์ ที่มี น้ำมัน และ ความร้อนปานกลาง
-
สแตนเลสเสริม + ยาง: งานแก้ว/โลหะหนัก ที่คมจัดและกระแทกบ่อย
การเคลือบถุงมือ: PU / ไนไตรล์ / ยางธรรมชาติ / ไนไตรล์โฟม / ไมโครโฟม
-
PU (โพลียูรีเทน): บาง แนบมือ สัมผัสดี เหมาะงานแห้ง/กึ่งแห้ง
-
ไนไตรล์ (เรียบ): ทนน้ำมัน สึกยาก เหมาะงานสัมผัสสารหล่อลื่น
-
ไนไตรล์โฟม/ไมโครโฟม: จับแน่นเมื่อพื้นผิว ชื้น/มัน/ลื่น ระบายอากาศดี
-
ยางธรรมชาติ (ลาเทกซ์): เกาะดีมากในสภาพแห้ง แต่ แพ้น้ำมัน และบางคนแพ้โปรตีนยาง
เลือกเคลือบให้ตรงสภาพแวดล้อม: น้ำมัน เปียก ลื่น ฝุ่นผง
-
แห้ง–สะอาด: PU หรือไมโครโฟมบาง
-
มีน้ำมัน/สารหล่อลื่น: ไนไตรล์โฟมหรือไนไตรล์เรียบ
-
ชื้น–ลื่น: โฟม/ไมโครโฟมให้แรงเสียดทานสม่ำเสมอ
ฟิตที่ใช่: ไซซ์ ความยาว ข้อมือ และความคล่องตัว
ถุงมือที่ “ฟิตพอดี” ลดการลื่นหลุด จับได้มั่นใจ และปกป้องต่อเนื่อง
-
ไซซ์: วัดรอบมือ/ความยาวฝ่ามือ เลือกตามชาร์ตแบรนด์
-
ความยาว: งานคมยื่นหรือเศษโลหะอาจขูดข้อมือ เลือกปลอกยาวขึ้น
-
ข้อมือ: แบบ ถักยืด ป้องกันเศษผงเข้า ถอด–ใส่ง่าย
-
การระบายอากาศ: เกจถักสูง = แนบมือ ระบายดี ใส่นานแล้วมือไม่ชื้น
การเลือกตามงานจริง: โลหะ/กระจก/อาหาร/ก่อสร้าง/ยานยนต์/คลังสินค้า
กรณีศึกษา 1: ตัดโลหะแผ่นคม
-
เสี่ยง: ขอบคม + เศษเสี้ยน + น้ำมันหล่อเย็น
-
เลือก: EN 388 ระดับตัด D–F + ไนไตรล์โฟม เพื่อเกาะในสภาพเปียกมัน
-
เสริม: เลือกค่าฉีก/เจาะสูง และพิจารณาปลอกแขน
กรณีศึกษา 2: ขนย้ายแก้ว/กระจก
-
เสี่ยง: คมจัด + แตกกระจาย
-
เลือก: ระดับตัด E–F พร้อม ฉีก/เจาะสูง เคลือบ ยางหรือโฟม ให้เกาะแน่น
-
เสริม: ใช้รุ่นป้องกันกระแทกระบุ (TPR) หากเสี่ยงชน/หล่น
กรณีศึกษา 3: แผนกชำแหละ/แปรรูปอาหาร
-
เสี่ยง: มีดคม + ผิวลื่น/ชื้น + ต้องล้างบ่อย
-
เลือก: HPPE หรือพาราอะรามิด ระดับ C–D (ANSI A3–A4) เคลือบ โฟม เพื่อเกาะในที่ชื้น
-
เสริม: เลือกรุ่นที่ สัมผัสอาหารได้ และทนซักซ้ำ
เมื่อมีหลายความเสี่ยงพร้อมกัน: คม + น้ำมัน + ความร้อน/ความเย็น
งานจริงอาจต้องรับมือหลายปัจจัย เช่น ความร้อน 100–250°C, ความเย็นห้องเย็น, แรงกระแทก, หรือแม้ ไฟฟ้าสถิต (ESD) วิธีคิดคือ “จัดลำดับความเสี่ยงหลัก” แล้วเลือกถุงมือที่ รวมคุณสมบัติ ที่จำเป็นก่อน (กันบาด + กันลื่น + ทนน้ำมัน) จากนั้นจึงดูเสริม (กันร้อน/เย็น/กระแทก/ESD) หากความเสี่ยงรองมีความรุนแรงพอ
เลือกถุงมือหลายคุณสมบัติ หรือ “ดับเบิลโกลฟ” ดีไหม
-
ถ้าต้องการ กันบาดสูงมาก พร้อม กันน้ำมันเยี่ยม ให้มองหารุ่นเคลือบเหมาะเฉพาะ
-
หากต้องเจอของเหลวต่อเนื่อง + คมจัด อาจ สวมซ้อน (ชั้นในกันบาด + ชั้นนอกกันของเหลว) แต่ต้องไม่ลดความคล่องจนทำงานผิดพลาด
การบำรุงรักษาและอายุการใช้งาน: ซัก เก็บ ตรวจสภาพ และเปลี่ยนเมื่อไหร่
-
ซักตามคู่มือผู้ผลิต เพื่อลดการเสื่อมของเส้นใย/เคลือบ (ใช้น้ำอุ่น ผงซักอ่อน ตากอากาศ)
-
ตรวจสภาพก่อน–หลังใช้: ดูรอยสึก เคลือบแตก หลุดลุ่ย ใยแก้วโผล่
-
หมุนเวียน/เปลี่ยนคู่: เมื่อค่าการเกาะลดลง หนาขึ้น แข็ง หรือเกิดรู/ขาด
-
เก็บให้แห้ง เย็น ไม่มีแสงแรง เพื่อยืดอายุเคลือบและยาง
เช็กลิสต์ก่อนซื้อ 12 ข้อ (สรุปเร็วทำได้ทันที)
-
งานของคุณเสี่ยง คมแบบไหน (ตัด/กด/เจาะ/ไถล)
-
มี น้ำมัน/ความชื้น/ฝุ่น หรือไม่
-
ต้องการ สัมผัสละเอียด แค่ไหน
-
เลือกระดับ EN 388 (A–F) หรือ ANSI (A1–A9) ให้ พอดีงาน
-
ดูค่าขีดข่วน/ฉีก/เจาะ ประกอบ
-
เลือก วัสดุเส้นใย ให้เหมาะ (HPPE, Kevlar®, เสริมสแตนเลส/ใยแก้วตามจำเป็น)
-
เลือก การเคลือบ ให้ตรงสภาพหน้างาน (PU/ไนไตรล์/โฟม)
-
ฟิตให้พอดีมือและความยาวข้อมือพอปิดจุดเสี่ยง
-
ทดสอบการจับจริงกับ ชิ้นงานตัวอย่าง ก่อนสั่งล็อตใหญ่
-
วางแผน ซัก/เปลี่ยน ตามรอบการใช้งาน
-
ฝึกอบรมผู้ใช้เรื่องการถอด–ใส่และจำกัดการใช้
-
เก็บ ข้อมูลรุ่น/มาตรฐาน ลงทะเบียนอุปกรณ์ (PPE registry) เพื่อทบทวนภายหลัง
สนใจถุงมือเซฟตี้ >> คลิกที่นี่ <<