เครื่องกระตุ้นหัวใจ (AED) จำเป็นไหมในออฟฟิศ/โรงงาน/ห้าง บทความ

เครื่องกระตุ้นหัวใจ

เครื่องกระตุ้นหัวใจ (AED) จำเป็นไหมในออฟฟิศ/โรงงาน/ห้าง

คำตอบสั้น ๆ คือ “จำเป็นมาก” — โดยเฉพาะในยุคที่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (SCA) เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และเวลาคือสิ่งเดียวที่แยกระหว่าง “ช่วยได้” กับ “สายเกินไป”


AED คืออะไร ทำงานยังไงในยามฉุกเฉิน

AED (Automated External Defibrillator) คือ เครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ ที่สามารถวิเคราะห์จังหวะหัวใจและช็อกไฟฟ้าเพื่อฟื้นการเต้นของหัวใจในผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน (SCA)

หลักการทำงาน

  1. ผู้ช่วยเหลือเปิดเครื่อง → เครื่องให้คำแนะนำด้วยเสียง

  2. ติดแผ่นนำไฟฟ้าบริเวณหน้าอกผู้ป่วย

  3. เครื่องวิเคราะห์จังหวะหัวใจอัตโนมัติ

  4. หากพบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ต้องช็อก → เครื่องจะสั่ง “กดปุ่ม Shock”

  5. หลังช็อก → ทำ CPR ต่อเนื่องจนกว่าหัวใจเต้นกลับมา

ใครก็ใช้ได้

ไม่ต้องเป็นแพทย์หรือพยาบาล เพราะเครื่องมีคำสั่งเสียงและภาพชัดเจนทุกขั้นตอน

✅ เพียงทำตามคำแนะนำ เครื่องจะช่วยตัดสินใจแทนคุณ


ทำไม AED ถึงสำคัญต่อสถานที่ทำงานและสาธารณะ

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (SCA) เกิดได้ทุกที่ ทุกวัย

  • กว่า 70% ของเหตุหัวใจหยุดเต้นเกิด “นอกโรงพยาบาล”

  • ในไทยมีผู้เสียชีวิตจากภาวะนี้ มากกว่า 54,000 คนต่อปี

  • 50% ของผู้ป่วยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้าเลย

เวลาคือชีวิต

  • ทุก 1 นาทีที่หัวใจหยุดเต้น โอกาสรอดลดลง 7–10%

  • หากให้ CPR + ใช้ AED ภายใน 3–5 นาที → โอกาสรอด เพิ่มขึ้นถึง 50–70%


ข้อมูลสถิติ: ทำไมองค์กรทั่วโลกติดตั้ง AED มากขึ้น

ประเทศ สัดส่วนสถานที่ทำงานที่มี AED ผลลัพธ์
ญี่ปุ่น >60% ของอาคารสำนักงาน อัตรารอดชีวิตจาก SCA เพิ่ม 4 เท่า
สหรัฐฯ มี AED ในห้าง/สนามบินทุกแห่ง อัตรารอดจาก 5% → 55%
ไทย เริ่มติดตั้งในห้างใหญ่ สนามบิน รัฐสภา ยังขยายไม่ทั่วถึง

แหล่งข้อมูล: American Heart Association (AHA), OSHA, สถาบันโรคหัวใจแห่งชาติ


กฎหมายและแนวทางในประเทศไทย

ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อบังคับให้ทุกองค์กรต้องมี AED
แต่กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้องค์กรขนาดกลาง-ใหญ่จัดหาไว้ในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น

  • อาคารสำนักงานขนาดใหญ่

  • โรงงานที่มีพนักงาน >200 คน

  • ห้างสรรพสินค้า / สถานีขนส่ง / สนามบิน

  • โรงเรียน / มหาวิทยาลัย / สนามกีฬา

💡 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับ สพฉ. กำลังผลักดันให้ AED เป็น “อุปกรณ์กู้ชีพพื้นฐานในที่สาธารณะ” ภายในปี 2026


สถานที่ที่ควรมี AED ติดตั้งไว้

สถานที่ เหตุผล
ออฟฟิศ พนักงานใช้เวลานานในพื้นที่ปิด ความเครียดสูง เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรงงาน สภาพอากาศร้อน ใช้แรงมาก มีสารเคมี กระทบหัวใจโดยตรง
ห้างสรรพสินค้า คนจำนวนมาก การเข้าถึงโรงพยาบาลช้า
ฟิตเนส / สนามกีฬา การออกแรงมากเกินกะทันหันอาจกระตุ้นหัวใจหยุด
สถานีรถไฟ / สนามบิน จุดรวมคนทุกเพศวัย และเดินทางนาน

การติดตั้ง AED ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

  1. ตำแหน่งติดตั้ง: จุดที่เห็นชัดเจน ใกล้โถงหลัก/ประตูทางเข้า

  2. ระยะเข้าถึง: ภายใน 3 นาทีจากจุดเกิดเหตุ

  3. มีป้ายสัญลักษณ์ AED มาตรฐานสากล (หัวใจ + สายฟ้า)

  4. ตรวจเช็กสภาพอุปกรณ์ทุกเดือน

    • แบตเตอรี่, แผ่นนำไฟฟ้า (อายุใช้งาน 2 ปี)

    • ไฟสถานะ Standby ต้องเป็นสีเขียว


ฝึกอบรมพนักงาน: ใครควรใช้ AED ได้บ้าง

  • อบรม CPR + AED Basic Life Support (BLS) ปีละ 1 ครั้ง

  • แต่งตั้ง ทีมฉุกเฉิน (Emergency Response Team) ประจำแผนก

  • ฝึกใช้ AED จำลอง เพื่อความมั่นใจเมื่อต้องช่วยชีวิตจริง

🔹 หลักสูตรแนะนำ: “การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้เครื่อง AED” จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)


ตัวอย่างเหตุการณ์จริงที่ AED ช่วยชีวิตได้

  • กรุงเทพฯ 2023: พนักงานออฟฟิศวัย 45 ปี หัวใจหยุดเต้นระหว่างประชุม ถูกช่วยโดยเพื่อนร่วมงานที่ผ่านอบรม CPR + ใช้ AED ภายใน 3 นาที รอดชีวิต 100%

  • เชียงใหม่ 2022: ลูกค้าล้มหมดสติในห้าง มี AED ประจำชั้น ถูกช็อก 1 ครั้งก่อนรถพยาบาลมาถึง รอดโดยไม่สมองขาดออกซิเจน


ต้นทุนและความคุ้มค่า

รายการ รายละเอียด
ราคาเครื่อง AED 35,000–60,000 บาท
แผ่น Pads (เปลี่ยนทุก 2 ปี) 3,000–5,000 บาท
แบตเตอรี่ (อายุ 3–5 ปี) 2,000–4,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อปีโดยเฉลี่ย ~8,000–10,000 บาท/ปี
ผลลัพธ์ที่ได้ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตกว่า 10 เท่า

เมื่อเทียบกับ “มูลค่าชีวิตหนึ่งคน” หรือภาพลักษณ์องค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม (CSR) — การมี AED ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง

สนใจเครื่องกระตุ้นหัวใจ >> คลิกที่นี่ <<

Leave a comment

Please note, comments must be approved before they are published

Add Order Note

    What are you looking for?

    Popular Searches:  Jeans  Dress  Top  Summer  SALE