เครื่องเป่าแอลกอฮอล์: คู่มือใช้งานและเลือกซื้ออย่างถูกต้อง

เครื่องเป่าแอลกอฮอล์: 15 เคล็ดลับเลือกซื้อ–ใช้งานให้แม่นยำ ปลอดภัย และผ่านมาตรฐานสากล
เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ คืออะไร
เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ (Alcohol Breath Tester หรือ Breathalyzer) คืออุปกรณ์ที่ใช้วัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ เพื่อประเมินค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือด (BAC – Blood Alcohol Concentration) อย่างรวดเร็ว โดยหลักการคืออาศัย เซ็นเซอร์เคมีไฟฟ้า (Electrochemical Sensor) หรือ เซ็นเซอร์กึ่งตัวนำ (Semiconductor Sensor) ตรวจจับโมเลกุลแอลกอฮอล์ในลมหายใจที่เป่าเข้าไป
หลักการทำงานของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์
-
ผู้ใช้เป่าลมหายใจเข้าไปในหัวเป่า (mouthpiece)
-
อากาศที่มีไอแอลกอฮอล์จะผ่านเข้าสู่เซ็นเซอร์ภายใน
-
เซ็นเซอร์ทำปฏิกิริยากับโมเลกุลเอทานอล เกิดสัญญาณไฟฟ้า
-
วงจรอิเล็กทรอนิกส์แปลงสัญญาณนั้นเป็นค่า BAC (%) หรือ mg%
-
แสดงผลผ่านหน้าจอแบบตัวเลขหรือตัวอักษร เช่น “0.05%” หรือ “PASS/FAIL”
ประเภทของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์
1. เครื่องเป่าแบบพกพาสำหรับบุคคลทั่วไป
-
ขนาดเล็ก พกสะดวก ใช้งานง่าย
-
ใช้เซ็นเซอร์กึ่งตัวนำ (Semiconductor)
-
ราคาย่อมเยา เหมาะกับผู้ขับขี่ทั่วไปหรืองานตรวจเบื้องต้น
-
ความแม่นยำปานกลาง (ควรเทียบมาตรฐานเป็นระยะ)
2. เครื่องเป่าแบบมืออาชีพ (Professional / Law Enforcement)
-
ใช้เซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมี (Electrochemical Fuel Cell)
-
แม่นยำสูง ±0.005% BAC
-
ใช้โดยตำรวจ โรงงาน หรือหน่วยงานราชการ
-
รองรับการเก็บข้อมูล พิมพ์ผลผ่าน Bluetooth หรือ USB
3. เครื่องเป่าแอลกอฮอล์แบบตรวจคัดกรอง (Screening Device)
-
ใช้ในจุดตรวจหรืองานองค์กร
-
เป่าแบบไม่สัมผัส (non-contact)
-
แสดงผล “มี/ไม่มีแอลกอฮอล์” โดยไม่แสดงค่าตัวเลข
-
สะดวกสำหรับการตรวจคนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
มาตรฐานและข้อกำหนดที่ควรรู้
การเลือก เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ ควรตรวจสอบการรับรองจากหน่วยงานสากล เช่น
-
OIML R126 – มาตรฐานเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ของสากล
-
DOT/NHTSA (สหรัฐอเมริกา) – สำหรับเครื่องตรวจระดับกฎหมาย
-
CE / ISO 9001 / TISI (มาตรฐานอุตสาหกรรมไทย)
เกณฑ์ทางกฎหมายในประเทศไทย
ตามประกาศ พ.ร.บ. จราจรทางบก กำหนดว่า:
-
ผู้ขับรถทั่วไป ต้องมีค่าแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (0.05%)
-
ผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้มีใบขับขี่ชั่วคราว ต้องเป็นศูนย์ (0%)
เคล็ดลับการใช้งานเครื่องเป่าแอลกอฮอล์อย่างถูกต้อง
-
รอหลังดื่ม 15–20 นาที ก่อนเป่า เพื่อให้ไอแอลกอฮอล์ในปากจางลง
-
ห้ามสูบบุหรี่หรือเคี้ยวหมากฝรั่งก่อนทดสอบ เพราะอาจทำให้เซ็นเซอร์คลาดเคลื่อน
-
เป่าอย่างต่อเนื่อง 4–5 วินาที จนเครื่องส่งสัญญาณ
-
ตรวจซ้ำ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1 นาทีเพื่อความแม่นยำ
-
เปลี่ยนหัวเป่า (mouthpiece) ทุกครั้งเพื่อความสะอาดและป้องกันการปนเปื้อน
การดูแลและบำรุงรักษา
-
สอบเทียบ (Calibration): ควรทำทุก 6–12 เดือน เพื่อให้ค่าถูกต้อง
-
หลีกเลี่ยงความชื้น: เก็บในที่แห้งและไม่โดนแสงแดดโดยตรง
-
เปลี่ยนหัวเป่าเฉพาะรุ่นที่ตรงกัน: เพื่อไม่ให้รั่วหรือค่าคลาดเคลื่อน
-
ตรวจสอบแบตเตอรี่: แรงดันต่ำอาจทำให้ผลอ่านผิดพลาด
ข้อดีของการใช้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์
-
ตรวจวัดได้ทันที ไม่ต้องเจาะเลือด
-
ใช้งานสะดวก ปลอดภัย ไม่สัมผัสสารเคมี
-
ช่วยลดอุบัติเหตุและป้องกันการขับขี่ในภาวะมึนเมา
-
ใช้ได้ทั้งส่วนบุคคลและองค์กร เช่น โรงงาน ขนส่ง หรือหน่วยงานรัฐ
ข้อควรระวัง
-
เครื่องเป่าราคาถูกอาจมีความคลาดเคลื่อนสูง ควรเลือกที่ผ่านมาตรฐาน
-
ไม่ควรใช้ผลเครื่องเป่าทั่วไปเป็นหลักฐานทางกฎหมาย (ต้องใช้รุ่นตำรวจเท่านั้น)
-
แนะนำให้ทดสอบก่อนขับทุกครั้งหลังดื่ม แม้ดื่มเพียงน้อย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนถนน
สนใจเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ >> คลิกที่นี่ <<